สมบัติของสารประกอบของธาตุตามคาบ 
- สมบัติของสารประกอบคลอไรด์ของธาตุในคาบ 2 และ
3
 
  
              สารประกอบดลอไรด์ 
  คุณสมบัติ 
 | 
  
สารประกอบคลอไรด์ของโลหะ 
 | 
  
สารประกอบคลอไรด์ของอโลหะ 
 | 
 
  
จุดเดือด
   
 | 
  
สูง 
 | 
  
ต่ำ 
 | 
 
  
จุดหลอมเหลว 
 | 
  
สูง 
 | 
  
ต่ำ 
 | 
 
  
ความเป็นกรด-เบสของสารละลาย 
 | 
  
กลาง   
  ยกเว้นBeCl2
  และ NaCl3 ซึ่งป็นกรด 
 | 
  
กรด 
   
   
 | 
 
  
สารที่ไม่ละลายน้ำ 
 | 
  
 CCl4  NCl5  
 | 
  
- 
 | 
 
-
สมบัติของสารประกอบออกไซด์ของธาตุในคาบ 2 และ
3 
 
  
               สารประกอบออกไซด์ 
  คุณสมบัติ 
 | 
  
สารประกอบออกไซด์ของโลหะ 
 | 
  
สารประกอบออกไซด์ของอโลหะ 
 | 
 
  
จุดเดือด
   
 | 
  
สูง 
 | 
  
ต่ำ 
 | 
 
  
จุดหลอมเหลว 
 | 
  
สูง 
 | 
  
ต่ำ 
 | 
 
  
ความเป็นกรด-เบสของสารละลาย 
 | 
  
เบส 
 | 
  
กรด 
 | 
 
  
สารที่ไม่ละลายน้ำ 
 | 
  
 BeO 
  Al3O3 
 | 
  
SiO2 
 | 
 
สมบัติของธาตุแต่ละหมู่
ธาตุหมู่ I
โลหะอัลคาไลน์ 
1.
มีเวเลนส์อิเล็กตรอนเท่ากับ 1 
2. มีเลขออกซิเดชัน +1
3. ทำปฏิกิริยาได้ดีมาก
จึงไม่พบโลหะหมู่ I ในธรรมชาติ แต่จะพบในสารประกอบ สารประกอบทุกตัวเป็นพันธะไอออนิก
4. สารประกอบของโลหะหมู่ I ละลายน้ำได้ทุกตัว
5. ทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ  ได้ด้างและแก๊ส H2
6. ความหนาแน่นต่ำ ลอยน้ำได้ จุดเดือด จุดหลอมเหลว ไม่สูงนัก
 ธาตุหมู่
II
โลหะอัลคาไลน์เอิร์ท
1. มีเวเลนส์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 
2. มีเลขออกซิเดชัน +2
3.ทำปฏิกิริยาได้ดี พบโลหะหมู่ II ในธรรมชาติและพบในรูปสารประกอบ
สารประกอบส่วนใหญ่เป็นพันธะไอออนิก ยกเว้น Be
4.
สารประกอบของโลหะหมู่ II ส่วนใหญ่
ละลายน้ำได้ดี แต่จะไม่ละลายน้ำถ้าเป็นสารประกอบของ CO32-    SO42-    PO43-
ยกเว้น MgSO4
5.
ทำปฏิกิริยากับน้ำ 
ได้ด่างและแก๊ส H2
ธาตุหมู่
VI
ชาลโคเจน 
1. มีเวเลนส์อิเล็กตรอนเท่ากับ 6 
2. มีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า ตั้งแต่ -2 ถึง+6
3. จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงมากเมื่อเทียบกับหมู่VII  ส่วนใหญ่เป็นสารประกอบประเภทโครงร่างตาข่าย
ธาตุหมู่ VII เฮโลเจน 
1. มีเวเลนส์อิเล็กตรอนเท่ากับ 7  
2. มีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า ตั้งแต่ -1 ถึง +7
3. เป็นธาตุหมู่เดียวที่1 โมเลกุล มี 2 อะตอมเรียกว่า Diatomic Molecule 
4. พบเป็นธาตุอิสระในธรรมชาติ
และพบในรูปของสารประกอบไอออนิกและโคเวเลนต์
5. สารประกอบของหมู่ VII ส่วนใหญ่ละลายน้ำได้ดี
ยกเว้นเป็นสารประกอบของ  Ag  Hg    
Pb
ธาตุหมู่ VIII แก๊สเฉื่อย , แก๊สมีตระกูล , Inert gas ,
Noble gas
1. มีเวเลนส์อิเล็กตรอนเท่ากับ
8 ยกเว้น He มีเท่ากับ 2
2. เฉื่อยชาต่อการเกิดปฏิกิริยามาก แต่สามารถสังเคราะห์ได้ 
3. มีค่า IE (Ionization Energy) สูงสุดในตาราง   และ He มีค่า IE สูงที่สุดในตารางธาตุ 
4. เป็นธาตุเดียวที่ไม่มีค่า EN 
ตำแหน่งของธาตุไฮโดรเจนในตารางธาตุ 
การจัดธาตุให้อยู่ในหมู่ของตารางธาตุจะใช้สมบัติที่คล้ายกันเป็นเกณฑ์ 
 
  
สมบัติ 
 | 
  
ธาตุหมู่
  IA 
 | 
  
ธาตุไฮโรเจน
   
 | 
  
ธาตุหมู่
  VIIA 
 | 
 
  
จำนวนวาเลนซ์อิเล็กตรอน 
 | 
  
1 
   
   
 | 
  
1
   
 | 
  
7 
 | 
 
  
เลขออกซิเดชันในสารประกอบ 
 | 
  
+1 
 | 
  
+1และ-1 
 | 
  
+1  +3 +5 +7 -1 
 | 
 
  
ค่า
  IE  
 | 
  
382-526 
 | 
  
1318 
 | 
  
1015-1687 
 | 
 
  
อิเล็กโทรเนกาติวิตี 
 | 
  
1.0-0.7 
 | 
  
2.1 
 | 
  
4.0-2.2 
 | 
 
  
สถานะ 
 | 
  
ของแข็ง 
 | 
  
แก๊ส 
 | 
  
แก๊ส/ของเหลว/ของแข็ง 
 | 
 
  
การนำไฟฟ้า 
 | 
  
นำ 
 | 
  
ไม่นำ 
 | 
  
ไม่นำ 
 | 
 
สรุป ธาตุไฮโดรเจนมีสมบัติคล้ายหมู่ VIIA
หลายหระการ แต่ไม่สามารถนำธาตุไฮโดรเจนมาจัดในหมู่ VIIA ได้ เพราะ จะทำให้แนวโน้มของสมบัติบางประการของธาตุหมู่VIIA เสียไป ปัจจุบันจึงจัดธาตุไฮโดรเจน อยู่ในคาบที่ 1
อยู่ระหว่างหมู่ IA กับ VIIA  

 
ธาตุทรานซิชัน 
                ธาตุทรานซิชัน
ประกอบด้วยธาตุ หมู่ IB
ถึงหมู่ VIIIB รวมทั้งกลุ่มแลนทาไนด์กับกลุ่มแอกทิไนด์
1. อยู่ระหว่างหมู่IIA กับหมู่ IIIA เริ่มตั้งแต่คาบ 4 เริ่มที่เลขอะตอม 21 
2.การจัดเรียงอิเล็กตรอนจะต่างจากธาตุโดยทั่วไป คือ
จะจัดเรียงอิเล็กตรอนวงนอกสุดก่อน แล้วจัดอิเล็กตรอนวงรองจากวงนอกสุดเป็นวงสุดท้าย
3.การดึงอิเล็กตรอนให้หลุดจากอะตอม
จะดึงอิเล็กตรอนวงนอกสุดก่อน เช่นเดียวกับธาตุปกติ
4.ธาตุทรานซิชัน จะมีเวเลนต์อิเล็กตรอน เป็น 2,1 เท่านั้น  ยกเว้น Cr กับ Cu มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 1
5.ธาตุทรานซิชัน จะมีสมบัติเหมือนกันเป็นคาบมากกว่าเป็นหมู่
6.ความหนาแน่นของธาตุทรานซิชันจะสูงมาก
และในคาบเดียวกันจะมีความหนาแน่นที่ใกล้เคียงกัน
7.จุดเดือดและจุดหลอมเหลวของธาตุทรานซิชันจะสูงมาก และสูงมากกว่าหมู่IAและหมู่IIA
8.ค่า IE , EN , E0 ของธาตุทรานซิชันจะสูงมากกว่าโลหะโดยทั่วไป
9.ขนาดอะตอมของธาตุทรานซิชันที่เรียงตามคาบจากซ้ายไปขวาจะมีขนาดเล็กลง
แต่ใกล้เคียงกันมาก เพราะโลหะทรานซิชัน มีความหนาแน่นสูง 
10.ธาตุทรานซิชัน มีเลขออกซิเดชันหลายค่า  ยกเว้น Sc กับ Zn มีเลขออกซิเดชันเพียงค่าเดียว
  
สารประกอบของธาตุทรานซิชัน
1.การเกิดสี 
              1.สีของธาตุทรานซิชันจะเปลี่ยนเมื่อเลขออกซิเดชันเปลี่ยน
เช่น Si
 
  
สูตร 
 | 
  
ชื่อ 
 | 
  
สี 
 | 
 
  
Cr2+ 
 | 
  
โครเมียม(II)ไอออน 
 | 
  
น้ำเงิน 
 | 
 
  
Cr3+ 
 | 
  
โครเมียม(III)ไอออน 
 | 
  
เขียว 
 | 
 
  
CrO42- 
 | 
  
โครเมตไอออน 
 | 
  
เหลือง 
 | 
 
  
Cr2O72- 
 | 
  
ไดโครเมตไอออน 
 | 
  
ส้ม 
 | 
 
  
Mn2+ 
 | 
  
แมงกานีส(II)ไอออน 
 | 
  
ชมพูอ่อน, ไม่มีสี 
 | 
 
  
Mn(OH)3* 
 | 
  
แมงกานีส(III)ไฮดรอกไซด์ 
 | 
  
น้ำตาล 
 | 
 
  
MnO2* 
 | 
  
แมงกานีส(IV)ออกไซด์ 
 | 
  
ดำ 
 | 
 
  
MnO42- 
 | 
  
แมงกาเนตไอออน 
 | 
  
เขียว 
 | 
 
  
MnO4- 
 | 
  
เปอร์แมงกาเนตไอออน 
 | 
  
ม่วงแดง 
 | 
 
                 2.สีจะเปลี่ยนถ้าสารหรือไอออนต่างชนิดกันมาล้อมรอบ
เช่น
CuSO4.5H2O สีฟ้า  และ Cu(NH3)4SO4
สีคราม
               3.สีเปลี่ยนเพราะจำนวนสารที่มาเกาะไม่เท่ากัน เช่น CrO42-สีเหลือง และ Cr2O72-
2.สารประกอบเชิงซ้อนของธาตุทรานซิชัน 
               สารประกอบของธาตุทรานซิชันชนิดต่างๆ
เช่น KMnO4 ประกอบด้วย K+ และ MnO-4     ซึ่ง MnO-4 จัดเป็นไอออนเชิงซ้อน
ที่มีธาตุทรานซิชันเป็นอะตอมกลางและยึดเหนี่ยวกับอะตอมหรือไอออนอื่นๆที่มาล้อมรอบด้วยพันธะโคเวเลนต์
               
สารประกอบที่ประกอบด้วยไอออนเชิงซ้อนจัดเป็นสารประกอบเชิงซ้อน  
ธาตุทรานซิชันส่วนใหญ่จะเกิดเป็นสารประกอบเชิงซ้อนที่มีสีต่างกัน
               ปัจจัยที่มีผลต่อสีของสารประกอบเชิงซ้อนของธาตุทรายซิชัน
                -
เลขออกซิเดชันของธาตุทรานซิชัน
               -
ชนิดของธาตุทรานซิชัน
               -
จำนวนโมเลกุลหรือไอออนที่ล้อมรอบธาตุทรานซิชัน 
ธาตุกึ่งโลหะ  
               มีคุณสมบัติดังนี้
               1.มีค่า IE และ EN  ค่อนข้างสูง 
               2.จุดเดือด จุดหลอมเหลว สูง
               3.มีความหนาแน่นสูง
               4.สามารถนำไฟฟ้าได้
               5.สามารถเกิดสารประกอบได้ ทั้งสารประกอบไอออนนิกและสารประกอบโคเวเลนต์
ธาตุกำมันตรังสี
ธาตุกัมมันตรังสี คือ ธาตุที่มีสมบัติในการแผ่รังสี
กัมมันตภาพรังสี คือ ปรากฏการณ์ที่ธาตุแผ่รังสีได้อย่างต่อเนื่อง 
    การแผ่รังสี
เป็นการเปลี่ยนแปลงภายในนิวเคลียสของไอโทปที่ 
ไม่เสถียร(ไอโซโทปของนิวเคลียสที่มีอัตราส่วนระหว่างจำนวนนิวตรอนต่อจำนวนโปรตอนไม่เหมาะสม)
  เนื่องจากนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีมีพลังงานสูงมากและไม่เสถียร
จึงปล่อยพลังงานออกมาในรูปของอนุภาคหรือรังสีบางชนิด
แล้วธาตุเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนเป็นธาตุใหม่
ชนิดและสมบัติของรังสีบางชนิด
รังสีแอลฟาหรือ อนุภาคแอลฟา 
  - อนุภาคประกอบด้วย
2 โปรตอน 2 นิวตรอน
เหมือนนิวเคลียสของอะตอมฮีเลียม มีเลขมวล 4
  - มีประจุไฟฟ้า +2
  - มีอำนาจทะลุทะลวงต่ำมาก
ไม่สามารถผ่านแผ่นกระดาษหรือโลหะบางๆได้
  - เบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็ก
โดยเบนเข้าหาขั่วลบ
รังสีบีตา หรือ อนุภาคบีตา
  - มีสมบัติเหมือนอิเล็กตรอน
  - มีประจุไฟฟ้า -1 มีมวลเท่ากับมวลอิเล็กตรอน 
  - มีอำนาจทะลุทะลางมากกว่า
รังสีแอลฟา ถึง 100 เท่า 
สามารถผ่านโลหะแผ่นบางๆ
  - มีความเร็วใกล้เคียงความเร็วแสง
  - เบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็ก
โดยเบนเข้าหาขั่วบวก 
รังสีแกมมา 
  - เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก
  - ไม่มีประจุไม่มีมวล
  - มีอำนาจทะลุทะลวงสูงมาก
สามารถผ่านแผ่นคอนกรีตหนาๆได้

 
ครึ่งชีวิตของธาตุกัมมันตรังสี 
               ธาตุกัมมันตรังสีแต่ละชนิดจะสลายตัวได้เร็วหรือช้าแตกต่างกัน
ปริมาณการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสีจะบอกเป็น ครึ่งชีวิต(ระยะเวลาที่นิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสี
สลายตัวจนเหลือครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิม)  
ครึ่งชีวิตเป็นสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละไอโซโทป
ประโยชน์ของธาตุกัมมันตรังสี 
ด้านธรณีวิทยา 
               C-14                      หาอายุของวัตตุโบราณที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ
ด้านการแพทย์
               I-131
    ตรวจดูความปกติของต่อมไธรอยด์
               I-132
    ตรวจดูภาพสมอง 
                Na-24
   ตรวจดูระบบการไหลเวียนของเลือด
                Co-60,Ra-226   รักษาโรคมะเร็ง
                P-32
      รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ด้านการเกษตร 
                P-32
                      ตรวจวัดรังสีที่ใบของพืช
                ปรับปรุงเมล็ดพันธุ์พืช
                Co-60    ทำลายแบคทีเรีย,ถนอมอาการ 
ด้านการอุสาหกรรม 
                รังสีทำให้อัญมณีมีสีสันสวยงามขึ้น  
                ตรวจหารอยรั่วของท่อส่งน้ำมัน
ด้านพลังงาน
                U-235,U-238,Pu-239   ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าปรมาณู
  โทษของธาตุกัมมันตรังสี
               เมื่อร่างกายได้รับรังสีจำนวนมากทำให้โมเลกุลของน้ำ สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ต่างๆ ในร่างกายเสียสมดุล  ทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ในร่างกาย ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ  อาจทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์  และรังสีแอลฟาจะทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง 
ปฏิกิริยานิวเคลียร์ 
                เป็นการเปลี่ยนแปลง
ในนิวเคลียสของธาตุ และมีพลังงานเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาจำนวนมหาศาล
ปฏิกิริยาฟิชชัน
               คือ
กระบวนการที่นิวเคลียสของธาตุหนักบางชนิดแตกออกเป็นไอโซโทปของธาตุที่เบากว่า
ในการเกิดปฏิกิริยาในแต่ละครั้งจะคายพลังงานออกมาจำนวนมาก
และได้ไอโซโทปกัมมันตรังสีหลายชนิด รวมถึงได้นิวตรอน
ถ้านิวตรอนที่เกิดขึ้นใหม่นี้ชนกับนิวเคลียสอื่นๆ ก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาฟิชชันต่อไปเรื่อยๆเรียกปฏิกิริยานี้ว่า
ปฏิกิริยาลูกโซ่
ปฏิกิริยาฟิวชัน
                คือ
กรณีที่นิวเคลียสของธาตุเบาสองชนิดหลอมรวมกันเกิดเป็นนิวเคลียสใหม่ที่มีมวลสูงกว่าเดิม
และให้พลังงานปริมาณมาก 
การเกิดปฏิกิริยาฟิวชันจะต้องใช้พลังงานเริ่มต้นสูงมาก
เพื่อเอาชนะแรงผลักระหว่างนิวเคลียสที่จะเข้ารวมกัน